YOULIKEBET
YOULIKEBET
YOULIKEBET LINE : @ULIKE24

เปิดตำนานราชาฟรีคิก

วันที่ : 06/12/2019 04:12

เปิดประวัติชีวิต..ราชาฟรีคิก “เดวิด เบ็คแฮม”

กว่าที่ “เดวิด เบ็คแฮม” จะประสบความสำเร็จอย่างที่มีวันนี้ได้
ชีวิตของเขาไม่ง่ายเลย เขาต้องเสียหลายสิ่งหลายอย่างไป
เพื่อให้ได้วันนี้มา

“จุดเริ่มต้นของชีวิตกับลูกฟุตบอล”

เดวิด เบ็คแฮม เกิดมาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 1975
ในเขตเมืองเลย์ตันสโตน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เริ่มรู้จักฟุตบอลตั้งแต่ 4 ขวบ ด้วยการฝึกสอนจากพ่อของเขา
พ่อของเบ็คแฮมเคยเล่าไว้ว่า บางครั้งเค้าก็สงสารลูก..
ที่ลูกไม่มีเพื่อนสนิทที่โรงเรียนเลย หลังเลิกเรียนเขาต้องรีบกลับบ้าน
มาซ้อมบอลกับพ่อ ที่สวนสาธารณะในระแวกบ้าน
ในเย็นวันศุกร์เพื่อนๆของเบ็คแฮม จะมีปาร์ตี้กันทุกอาทิตย์
แต่เขาไม่เคยได้ไปพบปะเพื่อนๆ เพราะเขาต้องเข้านอนเร็ว
เพื่อที่จะตื่นมาซ้อมบอลในวันเสาร์ตั้งแต่เช้าSA Gaming

เมื่อเบ็คแฮม อายุ 11 ขวบ เขาได้รับรางวัลจาก
โรงเรียนฝึกสอนฟุตบอล บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ให้ไปฝึกซ้อมกับ บาร์เซโลนา
และที่นั่นเองคือที่ที่เขาโชว์ฟอร์มเข้าตาแมวมองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
จากนั้นไม่นาน เบ็คแฮม ก็แสดงพรสวรรค์โดดเด่นจนเป็นกลายเป็นกำลังสำคัญ
ในการพาทีมแมนฯยู คว้าแชมป์เอฟเอ ยูธคัพ ในปี 1992
โดยเขาเป็นผู้ทำประตูชัยให้ทีมเอาชนะ คริสตัล พาเลซ

หลักจากถูกปล่อยตัวให้ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ ยืมไปเล่นในลีกทู ยืมตัวครึ่งปี
เบ็คแฮมกลับมาพร้อมโอกาสสำคัญ เมื่อ เฟอร์กี้ มีแผนจะดึงนักเตะ
ในชุดแชมป์ เอฟเอ ยูธคัพ 1992 ขึ้นมาเป็นผู้เล่นหลัก ซึ่ง เบ็คแฮม คือหนึ่งในนั้น

และเขาไม่ทำให้ ทุกคนผิดหวัง เพราะเกมแรกที่เบ็คแฮมมีโอกาสลงสนาม
ในซีซั่น 1996-1997เขาก็ผลิตสกอร์ให้กับ ยูไนเต็ด ได้ทันที
ซึ่งเป็นเกมนัดเปิดฤดูกาลกับ เวสต์แฮม

ไม่กี่เดือนต่อมา เบ็คแฮม ก็ทำให้แฟนลูกหนังเมืองผู้ดีต้องจับตามองเขา
เมื่อเขาซัดประตูทองของชีวิต จากครึ่งสนามใส่ วิมเบิลดัน
และปลายปีเดียวกันนี้เอง เบ็คแฮม ก็มีชื่อติดธงทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก
พร้อมกับคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ PFA ในปี 1996-97 อีกด้วย

ในปี 1998 เบ็คแฮมเป็นหนึ่งในขุนพลทีมสิงโตคำรามอังกฤษ
ชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก ฟร้องค์ 98 ที่ฝรั่งเศส
ซึ่ง “ที่นี่..มันกลับเป็นฝันที่เลวร้ายมากสำหรับเขา”
ในเกมที่ทีมชาติอังกฤษ พบ กับ อาร์เจนติน่า
เบ็คแฮมโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จากการเล่นนอกเกมใส่
ซิมิโอเน่ ของ ทัพฟ้าขาว ส่งผลให้ทีมชาติอังกฤษพ่ายแพ้ไป
จากการดวลจุดโทษและแน่นอน “เบ็คแฮม” กลายเป็นจำเลยทันที

แม้ว่าจะผิดหวังกับทีมชาติอังกฤษมา แต่ เบ็คแฮม ก็ยังเป็นกำลังสำคัญของแมนฯยู
ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ยังคงเป็นที่เดียวที่เขาไม่โดนโห่เวลาอยู่ในสนาม
เขาตอบแทนความไว้ใจของเหล่าแฟนบอลด้วยการช่วยทีมคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ในปี 1999
เขามีส่วนร่วมอย่างมากในการทำประตูในการแข่งขันนัดสำคัญ และผลงานอันโดดเด่นในปีนั้น
กลายเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนบอลให้อภัยในความผิดพลาดในฟุตบอลโลกครั้งก่อน

จนกระทั่งในปี 2001 เดวิด เบ็คแฮม ได้รับโอกาสสวมปลอกแขนกัปตันทีมของทีมชาติอังกฤษ
ในศึกฟุตบอลโลก ในรอบคัดเลือกที่อังกฤษต้องพบกับทีม ชาติกรีซ
ในเวลานั้น ทีมชาติอังกฤษ ต้องการอย่างน้อย 1 แต้ม SA Gaming
เพื่อการันตีการได้ไปเล่นเวิลด์คัพ 2002โดยไม่ต้องไปเพลย์ออฟ
และเป็น เบ็คแฮม ที่ปั่นฟรีคิกสุดสวย ตีเสมอ กรีซ
พาอังกฤษตีตั๋วไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ

4 ปีที่เขาต้องต่อสู้กับเสียง เย้ยหยัน การถูกประนาม โดนด่าทอ
มันคือ 4 ปีแห่งความเจ็บปวด.. และมันได้สิ้นสุดลงแล้ว

ต่อมาในปี 2003 มันถึงคราวสิ้นสุดความสัมพันธ์ของเบ็คแฮม
กับแมนฯยู หลังจากเกมที่พ่ายคาบ้านให้กับ อาร์เซนอลในศึกเอฟ เอ คัพ
หลังเกม เบ็คแฮม มีปากเสียงกับ เฟอร์กี้ และ เขาได้รับบาดแผล
อันเจ็บปวดจากคนที่ปลุกปั้นเขามากับมือ เมื่อเฟอร์กี้หวดลองเท้าสตั๊ด
ใส่ เบ็คแฮม จนทำให้คิ้วแตก เรื่องราวอีรุงตุงนังเข้าไปใหญ่
เมื่อสื่อตีแผข่าวนี้ไปทั่วทั้งเกาะอังกฤษ จนสุดท้ายเบ็คแฮมก็ต้องระเห็ด
ออกจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด
รวมผลงานสถิติ เบ็คแฮม ลงสนามรับใช้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปทั้งหมด
394 นัด กับผลงาน 85 ประตู
จบตำนานนักเตะหมายเลข 7 ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่นั้นมา

เบ็คแฮม เริ่มความท้าทายใหม่ในยุค กาลาติกอส กับราชันชุดขาว
ด้วยการเซ็นสัญญา 4 ปี SA Gaming และสวมเสื้อหมายเลข 23
ทว่าเขาเริ่มต้นฤดูกาลแรกได้ค่อนข้างดี แต่ มาดริด ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆได้
และในปีเดียวกันนั้นเองที่เขาได้ลงแข่งขัน ยูโร 2004 แต่ยิงลูกโทษพลาด จนทำให้อังกฤษ
พ่ายแพ้แก่ โปรตุเกสในรอบสี่ทีมสุดท้าย ตกรอบไปอีกครั้ง

ในปี 2006 เบ็คแฮม ยังคงเป็นตัวหลักใน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
และในที่สุดพวกเขาสามารถทวงบัลลังก์แชมป์ลีกสเปนคืนมาในฤดูกาลนี้
พร้อมกับ เบ๊คแฮมยังได้รับรางวัลนักเตะยอดยเยี่มแห่งปีของสโมสรอีกด้วย

เมื่อหมดสัญญากับ เรอัล มาดริด เขาก็ได้ไปเล่นให้กับทีม แอลเอ กาแลกซี
ซึ่งถือว่าการไปของเบ็คแฮมเป็นการกระตุ้นวงการฟุตบอลเมเจอร์ลีกได้ดีทีเดียว
คนในประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มหันมาดูฟุตบอลกันมากขึ้น
แต่ชีวิตค้าแข้งที่เมเจอร์ลีกของสหรัฐอเมริกาของเขาดูจะไม่ตอบโจทย์ชีวิตเขาเท่าไหร่
เบ็คแฮม ถูกยืมตัวไปเล่นกับ เอซี มิลาน และที่นั่นทำให้ เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
เขาพาเอซี มิลาน คว้ารองแชมป์ลีกได้ ก่อนท้ายที่สุดสัญญาของเขาและ แอลเอ ก็หมดลง

เดือนกุมภาพันธ์ 2013 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ประกาศคว้าตัว เดวิด เบ็คแฮม
มาร่วมทีม แม้เขาก็ไม่ได้มีโอกาสลงสนามมากนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คว้าแชมป์ลีกได้ในปีนั้น

ทำให้เบ็คแฮมเป็นนักเตะอังกฤษคนแรกที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดSA Gaming
ของแต่ละประเทศได้ถึง 4 ประเทศ คือ อังกฤษ, สเปน, อิตาลี และฝรั่งเศส

วันที่ 16 พฤษภาคม 2013 เบ็คแฮมประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ
เมื่อสิ้นฤดูกาลกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

แม้จะแขวนสตั๊ดไปแล้ว แต่หลายคนอาจไม่เชื่อว่า
ทุกวันนี้มีเงินเข้าบัญชีของเบ็คแฮมอย่างสม่ำเสมอเดือนละกว่า 1.2 ล้านปอนด์
หรือ 51 ล้านบาท หรือคิดให้น่าทึ่งกว่านั้น ใน 1 วัน เขาจะมีรายได้ถึงราว 40,000 ปอนด์
หรือ 1.7 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งมากกว่าค่าเหนื่อยสมัยที่เจ้าตัวเป็นนักเตะเสียอีก

เดวิด เบ็คแฮม รู้ตัวเองดีว่าเขาไม่ใช่นักฟุตบอลที่มีทักษะอันเป็นเลิศ
เมื่อเทียบกับหลายๆ คน แต่จุดเด่นที่เขามีคือ “ความพยายาม”
เพราะและไม่ว่าเบ็คแฮมจะเจอกับเรื่องยากลำบากในชีวิตแค่ไหน
เขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้เสมอ จนทุกคนยอมรับในตัวเขาไปด้วย

 

SA Gaming SA Gaming

เกมส์แนะนำ

หน้าแรก

วิธีเล่น

เติม/ถอน

บทความ

xxx
PHP Code Snippets Powered By : XYZScripts.com